.

เวลาจะพิสูจน์
ทุกอย่างแม้กระทั่งคน คนเรา...

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของ Walls


ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของ Walls
   Walls ได้กล่าวไว้ว่า ความคิดสร้างสรรค์จากกระบวนการของการคิดสิ่งใหม่ ๆ โดยการลองผิดลองถูก (Trial and Error) ได้แบ่งขั้นตอนไว้ 4 ขั้นคือ

   ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียม (Preparation) เป็นขั้นเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เช่นข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำ หรือแนวทางที่ถูกต้องหรือข้อมูลระบุปัญหา หรือข้อมูลที่เป็นความจริง ฯลฯ

   ขั้นที่ 2 ขั้นความคิดครุกกรุ่น หรือระยะฟักตัว (Incubation) เป็นขั้นตอนที่อยู่ในความวุ่นวาย ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งใหม่และเก่าสะเปะสะปะ ปราศจากความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่สามารถขมวดความคิดนั้น

   ขั้นที่ 3 ขั้นความคิดกระจ่างชัด (lllumination) เป็นขั้นที่ความคิดสับสนนั้นได้ผ่านการเรียบเรียงและเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันให้มีความกระจ่างชัดและสามารถมองเห็นภาพพจน์มโนทัศน์ของความคิด

   ขั้นที่ 4 ขั้นทดสอบความคิดและพิสูจน์ให้เห็นจริง (Verification) เป็นขั้นที่ได้รับความคิด 3 ขั้นจากข้างต้น เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นความคิดที่เป็นจริงและถูกต้องหรือไม่

สรูป (ตามความเข้าใจ) 
 Walls นั่นได้แบ่งทษฤฏีความคิดสร้างสรรค์ออกเป็น 4ขั้นซึ้งแต่ละขั้นก็จะมีความยากง่ายของแนวคิดต่างๆกันออกไป แต่ถ้าหากทำครบทั้ง4ขั้นตอนนั่นได้แล้วก็จะเข้าใจและเห็นความคิดสร้างสรรค์ ได้มากขึ้นหรือเพิ่มขึ้นจากที่เคยเข้าใจ เพราะหากเป็นืทฤษฏีของคนอื่น เช่น กิลฟอร์ด (Guilford, 1950) หรือ อี พอล ทอร์แรนซ์ (E. Paul Torrance,1962) ก็จะเป็นทฤษฏีที่สรูปมาเรียบร้อยและไม่เป็นขั้นเป็นตอนเหมือนกับของ Walls  ขอยกตัวอย่างของทั้ง2ท่าน

1.  กิลฟอร์ด (Guilford, 1950) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันบอกว่า
“ความคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถทางสมองในการคิดหลายทิศทาง
ซึ่งมีองค์ประกอบความสามารถในการริเริ่ม
ความคล่องในการคิด ความยืดหยุ่นในการคิด
และความสามารถในการแต่งเติมและให้คำอธิบายใหม่ที่เป็นการติดตามหลักเหตุผลเพื่อหาคำตอบ" 

2.  อี พอล ทอร์แรนซ์ (E. Paul Torrance,1962)
ให้นิยามความคิดสร้างสรรค์ว่า
"เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา
หรือสิ่งที่บกพร่องขาดหายไปแล้วรวบรวมความคิดตั้งเป็นสมมติฐานขึ้น
ต่อจากนั้นก็ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อทดสอบสมมติฐานนั้น"

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รายละเอรยด เว็บ ใหม่...

ส่วนที่ 1 คือ ความบันเทิงเช่น คลิปตลก เรื่องในวงการบันเทิง หรือ ข่าวสาร แวดวงดารา เพลงใหม่ ฯลฯ
ส่วนที่ 2 คือ ข่าวสารด้าน it เช่น โปรแกรมใหม่ สอนวิธ๊ใช้งานโปรแกรมต่างๆ ราคาสินค้า it


เมนู
Home.. เป็นหน้าเว็บเพจที่เหนเหมือนข้างบน
เกร็ดความรู้.. เป็นส่วนที่สอนเกี่ยวกับ photoshop การทำเว็บ หรือ ความรู้ที่ผมเคยเรียนมาในภาคเรียนที่ 1
หมายเหตุ : ส่วนที่1,2 เป็น ลิงค์นอก และอ้างอิงจากteenee.com เพราะมีการอัฟเดทอยู๋เสมอๆ
ส่วนเมนูเกร็ดความรู้เป้นลิงค์ใน เนื้อ มากเท่าที่ เรียนมาในภาคเรียนที่1
15.10 น. แก้ไข 15.35

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

-ภาพเบลิอ




















วิธีทำ
1. ใช้ Quick Selection เลือกบริเวณที่ต้องการให้ภาพเบลิอ
2. ไปที่ Filter>Filter Gallery..>เลือก Sprayer STrokes. แล้วกด OK
ก็จะได้ภาพ"เบลิอ"ตามที่ต้องการ

-ภาพพุ่ง




















วิธีทำ
1. ใช้เครื่องมือ Quick Selection เลือกตำแหน่งที่ต้องการให้พุ่งไป
2. ไปที่ Fliter>Blur>Radial Blur...
3.เลือก ทิศทางที่ต้องการไห้ภาพพุ่งไป ปรับ Blur Method ให้เป็น Zoom
4. ใช้เครื่องมือ Quick Selection ลากครอบบริเวณ ล้อ ไป ที่ Fliter>Stylize>Wind.. เลือก Wind ใส่ค่าทีต้องการ แล้วกด OK ก็จะได้ดังรูป.


วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

-การ ตัดต่อภาพ (อย่างง่าย)

1. อยู่ครบ ครับ ..













2. ลูกบาสหายไปไหน ??
วิธีทำ ใช้เครื่องมือ Quick Selection Tool
ลากครอบบริเวณลูกบาส เสร็จแล้วกด Shift+F5
เลือกแบบให้เป็น
Normal แล้วกด Ok ลูกบาสก็จะหายไปทันที !!!






















3. เอ้า !! ทีม เราหายไปไหน.. แล้วทำไมกลายเป็น The Huge มาเล่นหล่ะเนียยยย !!!
วิธีทำ เข้าไปที่ Image>Adjustment>Hue/Satulation เลือก เปลี่ยนสีเป็น Red แล้ว ลาก3เหลี่ยมตามที่ต้องการก็จะได้ ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

-วิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ (อ.ธนากร)

- จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์
ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์อาจกล่าวได้ว่ามาจากแนวความคิดของระบบตัวเลข ซึ่งได้พัฒนาเป็นวิธีการคำนวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ช่วยในการคำนวณอย่างง่าย ๆ คือ" กระดานคำนวณ" และ "ลูกคิด"
ในศตวรรษที่ 17 เครื่องคำแบบใช้เฟื่องเครื่องแรกได้กำเนิดขึ้นจากนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศษ คือ Blaise Pascal โดยเครื่องของเขาสามารถคำนวณการบวกการลบได้อย่างเที่ยงตรง และในศตวรรษเดียวกันนักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันคือ Gottried Wilhelm von Leibniz ได้สร้างเครื่องคิดเลขเครื่องแรกที่สามารถคูณและหารได้ด้วย
ในต้นศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศษชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พัฒนาเครื่องทอผ้าที่สามารถโปแกรมได้ โดยเครื่องทอผ้านี้ใช้บัตรขนาดใหญ่ ซึ่งได้เจาะรู้ไว้เพื่อควบคุมรูปแบบของลายที่จะปัก บัตรเจาะรู(punched card) ที่ Jacquard ใช้นี้ได้ถูกพัฒนาต่อๆมาโดยผู้อื่น เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลและโปรแกรมเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ

ต่อมาในศตวรรษเดียวกัน ชาวอังกฤษชื่อ Charles Babbage ได้ทำการสร้างเครื่องสำหรับแก้สมการโดยใช้พลังงานไอน้ำ เรียกว่า difference engine และถัดจากนั้นได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เมื่อเขาได้ทำการออกแบบ เครื่องจักรสำหรับทำการวิเคราะห์ (analytical engine) โดยใช้พลังงานจากไอน้ำ ซึ่งได้มีการออกแบบให้ใช้บัตรเจาะรูของ Jacquard ในการป้อนข้อมูล ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้มีหน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล และหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ครบตามรูปแบบของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ แต่โชคไม่ดีที่แม้ว่าแนวความคิดของเขวจะถูกต้อง แต่เทคโนโลยีในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเครื่องที่สามารถทำงานได้จริง อย่างไรก็ดี Charles Babbage ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์คนแรก และผู้ร่วมงานของเขาคือ Augusta Ada Byron ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนโปรแกรมคนแรกของโลก
จากนั้นประมาณปี ค.ศ. 1886 Dr.Herman Hollerith ได้พัฒนาเครื่องจัดเรียงบัตรเจาะรูแบบ electromechanical ขึ้น ซึ่งทำงานโดยใช้พลังงานไฟฟ้า และสามารถทำการ จัดเรียง (sort) และ คัดเลือก (select) ข้อมูลได้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1896 Hollerith ได้ทำการก่อตั้งบริษัทสำหรับเครื่องจักรในการจัดเรียงชื่อ Tabulating Machine Company และในปี ค.ศ.1911 Hollerith ได้ขยายกิจการโดยเข้าหุ้นกับบริษัทอื่นอีก 2 บริษัทจัดตั้งเป็นบริษัท Computing -Tabulating-Recording-Company ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และในปี ค.ศ. 1924 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น International Business Corporation หรือที่รู้จักกันต่อมาในชื่อของบริษัท IBM นั่นเอง
ในปี ค.ศ.1939 Dr. Howard H. Aiken จาก Harvard University ได้ร่วมมือกับบริษัท IBM ออกแบบคอมพิวเตอร์โดยใช้ทฤษฎีของ Babbage และในปี ค.ศ.1944 Harvard mark I ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ซึ่งมีขนาดยาว 5 ฟุต ใช้พลังงานไฟฟ้าและใช้ relay แทนเฟือง แต่ยังทำงานได้ช้าคือใช้เวลาประมาณ 3-5 วินาทีสำหรับการคูณ


การพัฒนาที่สำคัญกับ Mark I ได้เกิดขึ้นปี 1946 โดย Jonh Preper Eckert, Jr. และ Dr. Jonh W.Msuchly จาก University of Pennsylvnia ได้ออกแบบสร้างเครื่อง ENIAC ( Electronic Numeric Integator and Calcuator ) ซึ่งทำงานได้เร็วอยู่ในหน่วยของหนึ่งส่วนล้านวินาที ในขณะที่ Mark I ทำงานอยู่ในหน่วยของหนึ่งส่วนพันล้านเท่า โดยหัวใจของความสำเร็จนี้อยู่ที่การใช้หลอดสูญญากาศมาแทนที่ relay นั่นเอง และถดจากนั้น Mauchly และ Eckert ก็ทำการสร้าง UNIVAC ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิส์เพื่อการค้าเครื่องแรกของโลก
การพัฒนาที่สำคัญได้เกิดขึ้นมาอีก เมื่อ Jonh von Neumann ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโครงการ ENIAC ได้เสนอแผนสำหรับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จะทำการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำที่เหมือนกับที่เก็บข้อมูล ซึ่งพัฒนาการนี้ทำให้สามารถเปลียนวงจรของคอมพิวเตอร์ได้ดดยอัตโนมัติแทนที่จะต้องทำการเปลียนสวิทต์ด้วยมือเหมือนช่วงก่อน นอกจากนี้ Dr. Von neumann ยังได้นำระบบเลขฐานสองมาใช้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งหบักการต่งๆเหล่านี้ได้ทำให้เครื่อง IAS ที่สร้างโดย Dr. von Neumann เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์เครื่องแรกของโลก เป็นการเปิดศักราชของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริงและยังได้เป็นบิดาคอมพวเตอร์คนที่ 2



อ้างอิง - http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20intro3.htm